History

Sorry, this entry is only available in Thai. For the sake of viewer convenience, the content is shown below in the alternative language. You may click the link to switch the active language.

history

การสักลายได้กำเนิดขึ้นมาในสมัยไหนนั้นยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน มีนักโบราณคดีบางคนสันนิษฐานว่า การสักลายน่าจะเกิดจากความบังเอิญ ที่มนุษย์ในสมัยโบราณอาจจะไปถูกกิ่งไม้บางชนิดบาดเข้าแล้วเกิดสีขึ้น จึงทำให้มนุษย์ในสมัยนั้นรู้จักการสักลาย

การสักลายที่พบได้ในเกือบทุกประเทศทั่วโลก ลักษณะของลายสักก็แตกต่างกันไปตามประเพณีและวัฒนธรรมของประเทศนั้น และลายสักของแต่ละประเทศก็มีรูปแบบและวิธีการสักที่แตกต่างกัน แต่หน้าที่เหมือนกันคือ การสร้างสีสันลวดลายบนหนังมนุษย์ โดยการทำให้ผิวหนังเปิดขึ้นเพื่อใส่สีเข้าไป หรือที่เราเรียกว่าการย้อมผิวหนัง

นักโบราณคดีบางคนให้ความเห็นว่า การสักลายและการเขียนลายของชนเผ่าต่างๆนั้น อาจจะทำขึ้นเพื่อให้ศัตรูเกิดความกลัว หรือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับนักรบของเผ่าตนเอง

ก่อนปี 1991 นักโบราณคดีเชื่อว่าการสักลายน่าจะกำเนิดขึ้นในราว 2-3,000 ปี โดยพบเครื่องเคลือบดินเผาของจีนซึ่งมีรูปคนที่มีลายสัก และมีการพบมัมมี่ที่มีลายสักในอียิปต์ซึ่งน่าจะมีอายุราว 3,000 ปี

แต่ในปี ค.ศ.1991 นักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน 2 คน ได้ค้นพบร่างมนุษย์ชายที่ฝังอยู่ในน้ำแข็งที่ช่วยรักษาร่างกายไม่ให้เน่าเปื่อย ระหว่างประเทศออสเตรียและอิตาลี ซึ่งอยู่สภาพที่สมบูรณ์ หลังจากการตรวจสอบทางวิชาการอย่างละเอียดพบว่ามนุษย์ผู้นี้น่าจะมีอายุประมาณ 5,300 ปี และได้ขนานนามชายผู้นี้ว่า Otzi ซึ่งเป็นชื่อของเทือกเขาที่ค้นพบ จากการตรวจสอบพบว่าลายสัก 57 ตำแหน่ง โดยบางจุดเป็นจุดที่ใกล้เคียงกับจุดฝังเข็มรักษาโรค ซึ่งนักโบราณคดีคาดว่าลายสักตำแหน่งบางที่ไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง จึงสันนิษฐานว่าน่าจะมีผู้ทำการสักให้

การพบ Otzi ทำให้วงการสักต้องทบทวนประวัติศาสตร์ใหม่ และมีการคาดการณ์ว่าการสักลายนั้นอาจจะเกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเวลานานมาก คาดว่าในอนาคตเราอาจจะค้นพบว่าการสักลายมีขึ้นในยุคใดแน่ ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถทราบได้ว่าการสักลายกำเนิดขึ้นได้อย่างไรหรือยุคใดก็ตาม การสักลายน่าจะเป็นวัฒนธรรม ประเพณี และเป็นศิลปะที่เก่าแก่ที่สุดก็เป็นได้